5 เครื่องดื่มที่ดื่มแล้วอ้วน
ภาวะอ้วน น้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน
มักมาจากการบริโภคที่เยอะเกินความจำเป็น รวมถึงบริโภคสารอาหารที่มีโทษต่อร่างกาย
ซึ่งส่วนใหญ่ก็มาจากอาหาร
ทำให้หลายคนเข้าใจว่า การกินอาหารจะทำให้อ้วน และเลี่ยงไปดื่มเครื่องดื่มที่มีรสชาติแทน
แต่สลอตขอบอกเอาไว้ตรงนี้เลยว่า
ไม่ใช่เพียงแค่อาหารเท่านั้นที่เป็นสาเหตุหลักของความอ้วน
เครื่องดื่มก็ทำให้เราอ้วนได้เหมือนกัน!
แถมยังร้ายแรงกว่าอาหารอีกด้วย!
เครื่องดื่มบางอย่าง พวกเราก็รู้กันอยู่แก่ใจแล้ว ว่าดื่มแล้วอ้วน
แต่บางอย่าง ก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าถ้าดื่มแล้วจะอ้วน
บางอย่าง แค่ปริมาณใหญ่กว่าฝ่ามือนิดหน่อย
ก็ให้พลังงานมากกว่าอาหารจานโตอีกนะ
1. น้ำชงต่างๆ
ยกตัวอย่างเช่น โกโก้, ชาเย็น, ชาเขียว, โอวัลติน ฯลฯ
ซึ่งเป็นเครื่องดื่มสุดโปรดของคนไทย ที่กินกันได้ทุกวันแบบไม่เบื่อ
ที่ไม่เบื่อก็เพราะรสชาติหวานอร่อยของเครื่องดื่มดังกล่าว
ส่วนผสมพื้นฐานของเครื่องดื่มชง ก็ล้วนแต่เป็นตัวอ้วนทั้งนั้น
ได้แก่ น้ำตาล, นมข้นหวาน, นมข้นจืด
แต่ละอย่างให้พลังงานอยู่ที่ประมาณ 50 กิโลแคลอรีต่อช้อนโต๊ะโดยเฉลี่ย
เครื่องดื่ม 1 แก้วก็ใส่แค่ช้อนเดียวซะที่ไหนกัน
อย่างน้อยก็ต้องใส่อย่างน้อยอย่างละ 2 ช้อนเพื่อรสชาติที่กลมกล่อม
ถ้าสั่งหวานน้อย ยังไงก็ไม่ต่ำกว่า 200 กิโลแคลอรีอยู่ดี
รวมๆ แล้ว บรรดาเครื่องดื่มชงทั้งหลาย หวานน้อยที่สุดก็ให้พลังงานมากถึง 300 กิโลแคลอรีต่อปริมาณ 200 มิลลิลิตร
นี่ยังไม่รวมคนที่ชอบใส่ไข่มุกเป็นท็อปปิ้งเสริมอีกนะ
ไข่มุกปริมาณ 30 กรัม หรือปริมาณแค่พอปิดก้นแก้วได้
ก็ให้พลังงานมากถึง 100 กิโลแคลอรีแล้ว
กินน้ำชงแก้วเดียว เปรียบเสมือนกินข้าวจานใหญ่ 1 จาน
แถมยังเป็นข้าวที่เต็มไปด้วยน้ำตาลพูนจาน
ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงนะ ทำให้อ้วนแถมยังอันตรายอีก
2. เครื่องดื่มชูกำลัง
นอกจากเครื่องดื่มชูกำลังจะอันตรายอย่างมาก
เนื่องจากมีปริมาณคาเฟอีนเยอะมากก กินมากเกินไปแล้วใจสั่น
จนต้องออกข้อห้ามไม่ให้ดื่มวันละ 2 ขวด
ยังมีอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่แฝงมากับเครื่องดื่มชูกำลัง
นั่นก็คือ ปริมาณน้ำตาลที่อยู่ในระดับที่สูงมาก!
เครื่องดื่มชูกำลังขวดเล็กแค่ขนาดฝ่ามือ
ให้ปริมาณพลังงานมากถึง 250 กิโลแคลอรีโดยเฉลี่ย
แถมยังอัดแน่นไปด้วยน้ำตาลมากถึง 27-55 กรัม!
(ประมาณ 6-13 ช้อนชา!)
ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมากจนน่ากลัว
นอกจากจะทำให้ใจสั่น และเสี่ยงโรคอ้วน โรคเบาหวานถามหาแล้ว
การดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง ยังทำให้อวัยวะภายในร่างกายทำงานหนักอย่างมาก
ได้แก่ ตับ, ไต และหัวใจ ล้วนเป็นอวัยวะที่สำคัญ
และยังเสี่ยงกลายเป็นคนติดคาเฟอีน
ซึ่งอันตรายของการติดคาเฟอีน ก็มีเพียบ
จะส่งผลให้กระสับกระส่าย, นอนไม่หลับ, พูดไม่รู้เรื่อง, หัวใจเต้นแรง
อย่างร้ายแรงก็ถึงขั้นเสียชีวิตเลย
อันตรายมากๆ เลี่ยงได้อย่าดื่มเลย พักผ่อนให้เพียงพอดีกว่า
3. น้ำอัดลม
เครื่องดื่มที่หลายคนรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว ว่ากินแล้วอ้วน
แต่สุดท้ายก็ต้องกินน้ำอัดลมเป็นประจำทุกวัน
ก็แหม อากาศเมืองไทยมันร้อนซะขนาดนี้ น้ำอัดลมเย็นๆ ใส่น้ำแข็ง มันเป็นอะไรที่ทำให้สดชื่นได้ดีมาก
แต่ปริมาณน้ำตาลในน้ำอัดลมน่ะ น่ากลัวมาก
ปริมาณน้ำตาลที่คนเราควรบริโภคนั้น ไม่ควรเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน
แต่ในน้ำอัดลมน้ำสี มีปริมาณน้ำตาลมากถึง 10 ช้อนชา!
น้ำอัดลมสีดำอยู่ที่ 9 ช้อนชา และน้ำอัดลมน้ำใสอยู่ที่ 12 ช้อนชา!!
และปริมาณน้ำอัดลมเพียง 1 กระป๋อง
ก็ให้พลังงานมากถึง 250 กิโลแคลอรีขึ้นไป!
นี่ขนาดกระป๋องเล็กนะ ถ้าเป็นขวดลิตรนี่ก็บวกลบคูณหารกันเอาเองเลย สยองมาก
นอกจากในน้ำอัดลมจะมีปริมาณน้ำตาลอยู่สูงแล้ว
ยังมีสารที่ส่งผลเสียต่อร่างกายอีกมากมาย
ไม่ว่าจะเป็น คาเฟอีน ที่ส่งผลให้นอนไม่หลับ ใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ
กรดคาร์บอนิค ที่ส่งผลให้กระดูกพรุน ฟันผุ
รวมถึงไปวัตถุกันเสีย ที่ถ้าหากดื่มน้ำอัดลมมากเกินไปแล้ว เสี่ยงเป็นมะเร็งได้
อยากสดชื่น กินน้ำสมุนไพรเย็นๆ ดีกว่าเนอะ
4. เบียร์
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก
ซึ่งแน่นอนว่าสามารถทำให้คนอ้วนได้ทั่วโลกเช่นกัน
การดื่มเบียร์ ไม่ได้ทำให้เราอ้วนแบบน้ำหนักขึ้นพรวดๆ บวมทั้งตัว
แต่จะเริ่มจากการลงพุงก่อน แล้วค่อยไปอ้วนที่ส่วนอื่น!
หลายคนอ้างว่า ดื่มเบียร์จริงๆ ไม่อ้วนหรอก ตัวอ้วนก็คือพวกกับแกล้ม
ความเป็นจริงแล้ว แค่ดื่มเบียร์เพียวๆ ก็ทำให้อ้วนได้
เนื่องจากปริมาณแอลกอฮอล์ 1 กรัม ให้พลังงานมากถึง 7 กิโลแคลอรี
ซึ่งมากเกือบเท่าไขมัน และให้พลังงานมากเป็น 2 เท่าของคาร์โบไฮเดรคและโปรตีน
ส่งผลให้คนที่กินเบียร์เป็นประจำ มีร่างกายที่บวมผิดปกติ
คือน้ำหนักขึ้น แต่สัดส่วนความอ้วนไม่เหมือนกับคนอื่นอ้วนเพราะกินเยอะ
คนดื่มเบียร์จะอ้วนลงพุง และบวมๆ ไปทั้งตัว
ฟังดูน่ารัก แต่มันอันตรายมากเลยนะ
แถมดื่มเบียร์มากเกินไป ก็เสี่ยงอันตราย
ข้อเสียของเบียร์มีเยอะมาก
ไม่ว่าจะเป็น เสี่ยงการเกิดหลอดเลือดอุดตัน, เส้นเลือดในสมองแตก
เสี่ยงเป็นโรคตับแข็ง, ส่งผลต่อสติปัญญาของทารกในครรภ์
ร้ายแรงที่สุดคือทำใสมองฝ่อ บกพร่องทางสติปัญญา การตัดสินใจ รวมถึงด้านความจำ
5. น้ำผลไม้
หลายคนอาจจะไม่เชื่อว่า น้ำผลไม้ที่ให้คุณค่า ให้ประโยชน์แก่เรา มันกินแล้วอ้วนด้วยหรอ!
คำตอบก็คือ ใช่ แถมปริมาณน้ำตาลในน้ำผลไม้ยังสูงมากด้วย
โดยเฉพาะน้ำผลไม้แบบกล่อง รวมถึงน้ำผลไม้รสชาติอร่อยที่วางขายกันทั่วไป
เฉลี่ยแล้ว น้ำผลไม้ 1 กล่อง จะมีผลไม้จริงเพียง 25% ของปริมาณทั้งหมดเท่านั้น
ที่เหลือก็ผสมด้วยน้ำเปล่าและน้ำตาลปนกันไป
ใครที่ไม่เชื่อ ตอนซื้อน้ำผลไม้ก็ลองเช็คฉลากโภชนาการข้างกล่องดู
ฉลากโภชนาการจะบอกทุกอย่าง ว่าให้พลังงานกี่แคลอรี ใส่ส่วนผสมอะไรบ้าง
ซึ่งน้ำผลไม้แบบกล่องส่วนใหญ่ มีปริมาณน้ำตาลเฉลี่ย 25 กรัมต่อ 1 กล่องเล็ก!!
ไม่เคยสงสัยกันหรอ? ว่าทำไมกินผลไม้เปล่าๆ ถึงกินไม่ค่อยลง
แต่กินน้ำผลไม้แบบกล่องถึงกินได้กินดี รู้สึกอร่อย
เพราะมันใส่น้ำตาลลงไปในปริมาณที่สูงมากยังไงล่ะ
ถ้าอยากดื่มน้ำผลไม้แล้วได้ประโยชน์ ก็ควรคั้นด้วยมือตัวเองดีกว่า
ถึงจะเหนื่อย ลำบาก และได้รสชาติที่ไม่อร่อย
แต่เราก็จะได้รับคุณค่าทางสารอาหารที่ครบถ้วน และไม่อ้วน
หรือไม่ก็กินผลไม้แบบสดๆ ไปเลยก็ได้ ดีกว่าดื่มแบบน้ำเยอะเลย